วิเคราะห์เจาะลึก ทำไม The Marvels ถึงกลายเป็นหนังทำรายได้ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของ MCU หนังมาร์เวลกำลังหลงทาง และต้องปรับตัวครั้งใหญ่จริงไหม
จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe) หรือ MCU ถือเป็นจักรวาลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนภาพยนตร์ที่มีมากถึง 33 เรื่อง นับตั้งแต่เรื่องแรก Iron Man ออกฉายเมื่อปี 2008 เรื่อยมาจนถึงเรื่องล่าสุด The Marvels ที่ออกฉายส่งท้ายปี 2023 แต่ทั้งนี้ยังไม่นับรวมที่แตกแขนงออกไปเป็นซีรีส์อีกกว่า 20 เรื่อง
ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานร่วม 15 ปี เหล่าซูเปอร์ฮีโร่คนสำคัญซึ่งเป็นที่รักของคนดูอย่าง ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา แบล็ควิโดว์ วิชั่น ฯลฯ ต่างทยอยล้มหายตายจาก ทำให้ขาดแม่เหล็กดึงดูดแฟน ๆ ได้เหมือนเดิม
ประกอบกับความซับซ้อนของจักรวาลที่ทำให้หลัง ๆ มานี้ การดูหนังมาร์เวลซักเรื่องหนึ่งกลายเป็นความยุ่งยาก ต้องไปย้อนดูหนังเรื่องนั้น ซีรีส์เรื่องนี้ เพื่อเป็นการทบทวนมาก่อนถึงจะเข้าใจเรื่องที่อยากจะดูแบบลึกซึ้ง
ดังนั้น พอเข้าช่วงปลายเฟส 4 จนมาถึงต้นเฟส 5 เราจึงได้ยินเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ค่อนข้างหนาหนูว่าหนังมาร์เวลดูไม่สนุกเหมือนเดิม ก่อนที่หวยจะมาออกเอาที่ ‘The Marvels เดอะ มาร์เวลส์’ หนังเรื่องที่ 33 ของ MCU ที่ถูกสื่อหลายสำนักสับเละว่าเป็นหนังยอดแย่ที่สุดในจักรวาล MCU ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วตัวหนังเองก็ไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาดนั้น
สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนดูเริ่มจะ “เท” หนังมาร์เวลกันแล้วก็คือรายได้ช่วงเปิดตัวของ The Marvels ที่ถึงแม้ในบ้านเราจะทำรายได้รวม 5 วันแรกเอาไว้ที่ 34.12 ล้านบาท สามารถครองอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศประเทศไทยไปได้ตามคาด
แต่ในบ้านเกิด เดอะ มาร์เวลส์ กลับกลายเป็นหนังที่ทำรายได้ช่วงเปิดตัวต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของ MCU ด้วยรายได้เพียง 47 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่า The Incredible Hulk (ปี 2008) ที่ทำเอาไว้ 55.4 ล้านดอลลาร์ และ Ant-Man (ปี 2015) ที่ทำเอาไว้ 57.2 ล้านดอลลาร์ (ยังไม่ปรับอัตราเงินเฟ้อ)
ถ้านำไปเทียบกับภาคแรกแล้วยิ่งห่างกันลิบลับ เพราะ Captain America (ปี 2019) ทำรายได้เปิดตัวเอาไว้สูงถึง 153 ล้านดอลลาร์ แต่จะเอาไปเทียบกันแบบนั้นถือว่าไม่แฟร์ เพราะ Captain America อยู่ตรงกลางระหว่างหนังสองเรื่องที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล นั่นคือ Avengers: Infinity War (ปี 2018) และ Avengers: Endgame (ปี 2019) แล้วมีเนื้อหาเชื่อมโยงกัน ทำให้คนต้องดูทั้ง 3 เรื่องต่อกัน เลยพลอยทำให้ Captain America ทำรายได้สูงตามไปด้วย
ต้อง “เข้าใจทั้งจักรวาล” เพื่อดูหนังเรื่องเดียว
ปัจจัยประการหนึ่งที่ทำให้รายได้ช่วงเปิดตัวของ The Marvels ต่ำก็คือการประท้วงของสหภาพแรงงานฮอลลีวู้ดที่ยืดเยื้อ ทำให้นักแสดงและผู้กำกับไม่สามารถเดินสายโปรโมทหนังได้ตามปกติ กระแสของหนังเรื่องนี้จึงยิ่งแผ่วเข้าไปใหญ่
แต่นั่นเป็นองค์ประกอบเพียงส่วนหนึ่ง สาเหตุสำคัญคือปัจจุบันคนดูเริ่มรู้สึกไม่สนุกกับการที่เนื้อหา และตัวละครในหนังมาร์เวลมีความเชื่อมโยงกันทั้งจักรวาล ซึ่งในช่วงเฟสหนึ่งถึงเฟสสามนั้นยังถือเป็นความสนุกอยู่ เพราะตัวละครไม่มากเช่นในปัจจุบัน
พอมาถึง The Marvels ซึ่งเป็นเรื่องที่ 33 แล้ว และมีตัวละครใหม่ ๆ ที่คนไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้จริง ๆ จะรู้จักโผล่เข้ามาเยอะมาก จึงพลอยทำให้เกิดความรู้สึกว่า “มันเป็นภาระหน้าที่ของคนดูด้วยหรือที่จะต้องเข้าใจทั้งจักรวาลมาร์เวลเพื่อที่จะดูหนังซักเรื่องให้สนุกและอินไปกับมัน” ได้อย่างแท้จริง
จุดเปลี่ยนของหนังมาร์เวลอีกอย่างหนึ่งก็คือช่วงหลัง ๆ มาจะมีการสร้างเรื่องแยกของตัวละครต่าง ๆ เป็นซีรีส์แล้วนำออกฉายทางดิสนีย์พลัส พอตัวละครเหล่านั้นมาปรากฏตัวในหนังใหญ่ นอกจากคนที่ไม่เคยดูซีรีส์มาก่อนจะตามไม่ทัน ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องบางส่วนแล้ว ยังทำให้ความรัก ความผูกพันธ์ที่มีให้กับตัวละครไม่แน่นแฟ้นเหมือนกับในเฟสแรก ๆ ที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเฉพาะในหนังใหญ่เท่านั้น
The Marvels เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในจุดนี้ เพราะตัวละครหลักอีกสองตัวนั้นมาจากซีรีส์ที่ฉายทางดิสนีย์พลัส โดยเฉพาะสาวน้อย กมลา ข่าน ที่ถ้าใครไม่เคยดูซีรีส์เรื่อง Ms. Marvel มาก่อนเลยจะไม่เข้าใจว่าเธอ และครอบครัวที่มีบทบาทในเรื่องนั้นเป็นใคร มีพลังอะไร แล้วกำไลที่เธอสวมอยู่มีความสำคัญอย่างไร
ส่วนตัวเอกอีกคน โมนิก้า แรมโบ นั้น แม้จะเคยปรากฎตัวในหนังเรื่อง Captain Marvel มาแล้ว แต่ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กน้อยผู้เป็นลูกสาวของกัปตันมาเรีย แรมโบ นักบินของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ผู้เป็นเพื่อนเก่าของแครอล เดนเวอร์ส
แต่ โมนิกา แรมโบ้ ที่เราเห็นในหนัง The Marvels นั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แถมยังมีสิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างคือ แทนที่จะรักและสนิทสนมกับ ‘กัปตันมาร์เวล’ ที่เธอเรียกว่า ‘น้า’ แต่ทั้งคู่กลับดูห่างเหินและเข้าหน้ากันไม่ติด
ซึ่งประเด็นนี้ต้องเป็นคนที่ดูซีรีส์ WandaVision มาแล้วเท่านั้นถึงจะเข้าใจว่าโมนิกาในวัยผู้ใหญ่ไม่ได้สนิทใจกับกัปตันมาร์เวลเหมือนตอนเป็นเด็กแล้ว แถมเธอยังมีพลังพิเศษบางอย่างที่ทำให้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ สามารถร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกัปตันมาร์เวลได้แล้ว
กัปตันมาร์เวลเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งในจักรวาล แล้วในหนัง MCU เฟส 5 ที่ขาดแคลนฮีโร่ตัวเด่น ๆ มาดึงดูดใจแฟน ๆ กัปตันมาร์เวลถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก หากทางค่ายปลุกปั้นให้หนังเดี่ยวของกัปตันมาร์เวลเป็นเรื่องราวของเธอจริง ๆ แบบที่เราเห็นจาก Iron Man ภาค 1-3 หรือ Captain America ภาค 1-3 ที่นำเสนอเรื่องราวแบบลงลึก ทั้งปูมหลัง ที่มาของพลัง ภาระหน้าที่ในการปกป้องโลก ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ทำให้คนดูรักและผูกพันธ์กับไอรอนแมน และกัปตันอเมริกาเป็นอย่างมาก
แต่ The Marvels กลับไปเน้นการชูประเด็นสิทธิสตรีด้วยการจับเอาซูเปอร์ฮีโร่หญิง 3 คนมารวมพลังกันต่อสู้กับตัวร้าย ซึ่งก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน ทำให้คนที่เป็นแฟนของกัปตันมาร์เวลค่อนข้างผิดหวังที่ไม่ได้ดูเรื่องราวของเธอแบบเต็ม ๆ และรู้สึกว่าเธอถูกใช้เป็นเครื่องมือผลักดันตัวละครใหม่ 2 คนที่ต่อไปจะมีบทบาทเป็นซูเปอร์ฮีโร่รุ่นต่อไปของมาร์เวลต่างหาก